ติดต่อ-สอบถาม

วันพฤหัสบดีที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2560

ปี 2018 เตรียมตัวถูก (คอมพิวเตอร์) แย่งงาน

ปี 2018 เตรียมตัวถูก (คอมพิวเตอร์) แย่งงาน

ปี 2018 เตรียมตัวถูก (คอมพิวเตอร์) แย่งงาน

Arip
สนับสนุนเนื้อหา
ปี 2561 หรือ 2018 จะเป็นอีกปีที่ “เทคโนโลยี” จะสอบผ่านจุดความสามารถสำคัญในหลากหลายด้าน โดยเฉพาะในการที่จะเริ่มทำงานแทนมนุษย์ได้
เป็นที่หวาดกลัวกันมาต่อเนื่องหลายปีว่าจะมีมาแย่งงาน ถือเป็นภัยคุกคามทางเทคโนโลยีที่ปรากฏให้เห็นได้ชัด นับตั้งแต่ คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล เกิดมาล้างเผ่าพันธุ์เครื่องพิมพ์ดีดอย่างช้า ๆ ตั้งแต่เมื่อเกือบ 40 ปีก่อน
การที่เครื่องจักรกลมาแทนที่คนในโรงงาน แทนสัตว์ใหญ่ในงานด้านการเกษตร แทนแรงงานในงานด้านการบริการ ก็เป็นภาพที่พอจะยังมีร่องรอยให้ได้ทันเห็นกันบ้าง หลายคนชอบความเสถียรภาพ แม่นยำ ทำงานง่าย ไม่ประท้วง ไม่งอแง รวมทั้งงานที่เสี่ยงอันตรายมาก ๆ จักรกลก็ทำหน้าที่ได้อย่างดี
ต่อจากยุคแทนที่ “แรงงาน” ก็จะเป็นยุคแทนที่ “ความจำ” เราอาจเคยเห็นคนพยายามท้าแข่งหมากรุกหมากล้อมกับคอมพิวเตอร์มาได้ แต่อย่าไปท้าในเรื่องความจำกับมันนะ เพราะมันมีระบบการจัดการความทรงจำที่มีประสิทธิภาพกว่ามนุษย์มาก
แน่นอนว่าสมองคนเราถูกสร้างมาให้มีความจุเก็บข้อมูลได้มหึมา หลายคนเสียชีวิตไปโดยยังใช้สมองไม่ถึงเสี้ยวหนึ่ง แต่ว่าถ้าเราไม่มีระบบการจัดการความจำที่มีประสิทธิภาพพอ เราก็จะหลง ๆ ลืม ๆ ต่างจากเจ้าคอมพิวเตอร์มันตรง ๆ ไม่ซับซ้อน ให้เก็บคือเก็บ ให้เรียกข้อมูลขึ้นมา ก็เรียกมาได้ไม่ช้านาน
และผลของความจำทรงพลังของคอมพิวเตอร์ มันจึงเกิดเป็นยุคที่เรียกว่า Big Data ที่มนุษย์สามารถถลุงทองคำจากเหมืองข้อมูลมหาศาลนี้ได้ ในขณะที่เราฝากคอมพิวเตอร์เก็บข้อมูลต่าง ๆ ไว้ จนแม้แต่ข้อมูลสำคัญของเราเองก็ลืมสนใจใฝ่เก็บไปแล้ว เช่นคำถามคลาสสิก… เราจำเบอร์โทรศัพท์คนใกล้ตัวได้สักกี่คน ?
ไม่แค่ “แรงงาน” และ “ความจำ” ยุคต่อมาคือ “การทำงานเป็นทีม” คอมพิวเตอร์ในยุคใหม่สามัคคีกันยิ่งกว่ามนุษย์เสียอีก ทำงานด้วยกันได้โดยแทบไม่มีความขัดแย้ง (เพราะมันถูกสร้างขึ้นมาให้ใช้ชีวิตด้วยกัน) มันจึงประสานพลังในการทำงานกันได้อย่างน่าเอาแบบอย่าง และยิ่งเมื่อเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต คอมพิวเตอร์จากทั้งโลกก็ติดต่อสื่อสารกันได้ง่าย ๆ และที่สำคัญ มันพูดภาษาเดียวกัน!
ในช่วง 2-3 ปีมานี้ คอมพิวเตอร์ก็ได้รับการฝึกฝนทักษะใหม่ที่เตรียมจะมาทำหน้าที่แทนมนุษย์อีกแล้ว นั่นคือ “การเรียนรู้” และ “การคิด” โดยที่มันสามารถทำตัวเองให้ “ฉลาด” ขึ้นได้ด้วยตัวมันเอง และมันสามารถ “คิดพิจารณา” ได้ดียิ่งขึ้น ซับซ้อนยิ่งขึ้น
Google เองประกาศแล้วว่าขยับวิสัยทัศน์สู่บริษัท AI-First หรือการมุ่งพุ่งไปข้างหน้าด้วย “ปัญญาประดิษฐ์” หรือ Artificial Intelligent (A.I.) ก่อนหน้านี้ Google ขอเป็น Mobile First แต่ตอนนี้มาถึงยุคใหม่ที่จะใช้นวัตกรรมที่คอมพิวเตอร์คิดเองได้เพื่อทำสิ่งใหม่ที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม
คอมพิวเตอร์ของ Google กำลังขุดวิเคราะห์ข้อมูลมหาศาลในโลกใบนี้ แล้วเรียนรู้เพื่อเก่งขึ้นเรื่อย ๆ จากเดิมมันมีหน้าที่แค่จำ ๆ ไปไม่ต้องรู้ความหมาย แต่เดี๋ยวนี้ภาพทุกภาพที่เข้าสู่ระบบมันจะต้องเข้าใจและเรียนรู้ด้วยว่า ภาพเหล่านั้นคือภาพอะไร สถานที่ไหน หรือแม้แต่ภาพใคร
รถยนต์ TESLA มีระบบปัญญาประดิษฐ์ที่เริ่มคิดเองได้ว่า รถควรจะแล่นไปทางไหน อย่างไร จึงจะปลอดภัยที่สุด หรือแม้แต่เว็บโป๊แห่งหนึ่งก็ประกาศว่าได้นำระบบ Machine Learning มาเพื่อจัดแบ่งหมวดหมู่หนังโป๊ทั้งหมดในคลังข้อมูล แทนที่จะต้องจ้างคนมานั่งดูจนตาแฉะ
หลายประเทศเริ่มขยับตัวเตรียมเสนอกฎหมายเพื่อควบคุมจำกัดการพัฒนาระบบปัญญาประดิษฐ์ให้อยู่กับร่องกับรอย เพื่อไม่ให้มันกลายเป็นเครื่องจักรกลสังหารที่คิดจะครองโลกแบบในหนังหลายเรื่อง
ความจริงคอมพิวเตอร์และหุ่นยนต์มาแทนที่หลายตำแหน่งงานไปแล้ว และกำลังจ่อคิวอีกหลายตำแหน่ง เช่น คนขับรถ คนจัดคิว คนคัดแยก คนพิมพ์เอกสาร คนเก็บค่าโดยสาร และอีกหลายตำแหน่งที่ขึ้นต้นด้วยคำว่า “คน…” นักบริหารหลายท่านเสนอแนวทางเพื่อไม่ให้เราตกงานในยุคดิจิทัล นั่นคือเราจะต้อง อย่าตกใจ (แต่มองการณ์ไกลและเตรียมพัฒนาตัวไว้) เป็นนายเหนือดิจิทัล (อย่ากลัว รู้จักเอาเทคโนโลยีมาใช้เพิ่มประสิทธิภาพประสิทธิผล) สั่งงานมันให้เป็น (รู้จักประยุกต์สั่งงาน เขียนโปรแกรม) และก้าวขยับไปทำในสิ่งที่มันทำไม่ได้ และหนึ่งในสิ่งที่มันยังทำไม่ได้คือการ “สร้างสรรค์” ครับ

ขอขอบคุณ
ข้อมูล : จากคอลัมณ์ “ไอทีเด็ด” ประจำ Comtoday ฉบับที่ 553 by @YOWAREwww.aripfan.com
ภาพ : www.istockphoto.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น