ติดต่อ-สอบถาม

วันอังคารที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2560

หลุดราคา iPhone X ในประเทศไทย เริ่มต้นก็เกือบครึ่งแสนแล้ว

หลุดราคา iPhone X ในประเทศไทย เริ่มต้นก็เกือบครึ่งแสนแล้ว

หลุดราคา iPhone X ในประเทศไทย เริ่มต้นก็เกือบครึ่งแสนแล้ว

S! Hitech (Rewrite)
สนับสนุนเนื้อหา
หลังจากที่ในต่างประเทศเริ่มมีการเปิดจอง iPhone X ไปตั้งแต่วันที่ 27 ตุลาคมที่ผ่านมา และพร้อมส่งมอบล็อตแรกในวันที่ 3 พฤศจิกายน อย่างที่ทราบกันดี หลายคนในประเทศไทยก็รอเครื่องหิ้วกันอยู่ แต่ล่าสุดนี้ในเว็บไซต์ Pantip ห้องมาบุญครอง ได้หลุดราคา iPhone X ในประเทศไทยออกมา
(ภาพจากเว็บไซต์ Pantip.com) 
ซึ่งเป็นการหลุดจากใบโฆษณาของบัตรเครดิตรายหนึ่ง ระบุข้อมูลคือ iPhone X ความจุ 256GB มีราคาอยู่ที่ 47,000 บาท ถือว่าค่อนข้างสูงเลยทีเดียว
นอกจากนี้ในการแสดงความคิดเห็นนั้นมีการคาดเดากันออกมาว่า iPhone X ในประเทศไทยอาจจะมีราคาเริ่มต้นที่ 39,500 บาทสำหรับ 64GB และ 46,500 บาทสำหรับ 256GB ก็เป็นไปได้ ซึ่งใกล้เคียงกับประเทศสิงคโปร์ที่เปิดราคาอยู่ที่ 41,000 – 47,000 บาท
สุดท้ายแล้ว ราคาในเมืองไทยของ iPhone X จะสรุปอยู่ที่เท่าไหร่แบบแน่ชัดตอนนี้ยังไม่มีใครรูได้ คงต้องรออัปเดทข่าวกันต่อไป

วันจันทร์ที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2560

วิธีล้างประวัติ "บราวเซอร์" ออกจาก iPhone และ iPad




วิธีล้างประวัติ "บราวเซอร์" ออกจาก iPhone และ iPad

วิธีล้างประวัติ "บราวเซอร์" ออกจาก iPhone และ iPad

สำหรับผู้ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ iOS 10 และ iOS 11 ทั้งเครื่อง iPhone และ iPad ซึ่งใช้งานการค้นหาข้อมูลหรือ บราวเซอร์ ใน Safari และต้องการล้างประวัติการเรียกชมเว็บเหล่านั้นออก มีวิธีการล้างง่าย ๆ ดังนี้

การลบประวัติการ บราวเซอร์ บางรายการ ในเครื่องที่ใช้ระบบปฏิบัติการ iOS 11 สามารถลบประวัติการบราวเซอร์ได้ดังนี้

  • เปิดโปรแกรม Safari ขึ้นมา จากนั้นให้เลือกที่ไอคอน bookmark ในเครื่อง iPhone จะอยู่ที่ด้านล่างจอ ส่วน iPad จะอยู่ที่ด้านบนซ้าย
  • ตรงส่วนบนของ Bookmark paneจะเห็นไอคอน 3 ตัว ให้เลือกไอคอน clock ทางขวาเพื่อเปิด History
  • ที่ด้านล่างของ History pane ให้เลือก Clear จากนั้นก็เลือก The Last hour, Today , Yesterday หรือ All time
  • เราสามารถเลือกลบทั้งหมด ด้วยการปัดไปด้านซ้ายผ่า URL ไปจนเปลี่ยนเป็นสีแดง และให้ Delete

สำหรับระบบ iOS 10 ก็มีขั้นตอนเกือบเหมือนกัน แต่ History oane จะแตกต่างกัน

  • ให้เปิด Safari ขึ้นมาก่อนแล้วเลือกไอคอน bookmark ที่ด้านล่างของ iPhone หรือ ด้านบนของ iPad
  • เลือก History ซึ่งอยู่เกือบบนสุดของ bookmark
  • เลือก Clear ที่ด้านล่าง จากนั้น เลือกว่าจะลบย้อนไปแค่ไหนด้วยการปัดซ้าย เพื่อลบออก

การล้างประวัติการ บราวเซอร์ ทั้งหมด ต้องไปทำที่ Setting

  • เปิด Setting จากนั้นให้เลื่อนลงไปที่ Safari
  • เลื่อนลงด้านล่างและเลือก Clear History and Website Data จากนั้น เลือก Clear เมื่อ iOS ถามย้ำว่าจะยืนยันการลบหรือไม่
  • การลบแบบนี้ เป็นการลบ cookie และข้อมูล browsing อื่น ๆ แต่ถ้ายังอยากเก็บส่วนนี้ไว้ ให้เลือกลบบางส่วน ไม่ใช่ลบทั้งหมด


ขอขอบคุณ
ข้อมูล : www.macworld.co.uk

เปรียบเทียบกล้องหลังระหว่าง iPhone 8 Plus และ Samsung Galaxy Note 8 กับการใช้งานแบบชีวิดจริง

เปรียบเทียบกล้องหลังระหว่าง iPhone 8 Plus และ Samsung Galaxy Note 8 กับการใช้งานแบบชีวิดจริง

เปรียบเทียบกล้องหลังระหว่าง iPhone 8 Plus และ Samsung Galaxy Note 8 กับการใช้งานแบบชีวิดจริง

อีกมือถือคู่ใหม่ที่หลายคนอยากเห็นการเปรียบเทียบโดยเฉพาะเรื่องของกล้องนั้น คงหนีไม่พัน SamsungGalaxy Note 8 และ iPhone 8 Plus ครั้งนี้ทีมงาน Sanook! Hitech ได้นำมือถือ 2 รุ่นนี้ถ่ายภาพ Shot เดียวกัน มาเปรียบเทียบกันว่า แต่ละภาพออกมาแต่ละตัวจะเป็นอย่างไร
 
 
(Samsung Galaxy Note 8)

สเปคกล้องของ 

 
สำหรับกล้องหลังของ iPhone 8 Plus นั้นให้มา 2 ตัวความละเอียด 12 ล้านพิกเซลเท่ากัน โดยเลนส์แรกมีขนาด 28 มิลลิเมตร F1.8 ส่วนอีกตัวเป็นแบบ 56 มิลลิเมตร F2.8 รองรับการถ่ายภาพแบบ Portrait Mode และมี Light Studio พร้อมกับระบบกันสั่นทั้งหมด 1 แกนที่เลนส์ขนาด 28 มิลลิเมตร
สิ่งที่ได้ออกมานั้นถือว่าเป็นการแก้เกมในเรื่องสีที่เก็บรายละเอียดดีขึ้นในภาพสี และมีเซนเซอร์ทำให้จับภาพที่มีรายละเอียดมากขึ้นอีกด้วย ทำให้มันดีกว่า iPhone 7 Plus และดูสว่างใช้ได้

สเปคกล้องของ Samsung Galaxy Note 8

 
ส่วน Samsung Galaxy Note 8 นั้นกล้องหลังมี 2 ตัวครั้งแรกของ Samsung ตัวแรกมีขนาด 26 มิลลิเมตร F1.7 และตัวที่ 2 มีขนาด 52 มิลลิเมตรรูรับแสง F2.4 มีโหมดละลายหลัง Live Focus และถ่ายภาพแบบ Dual Capture พร้อมกันทั้งเลนส์ Telephotos และ เลนส์ wide และมีกันสั่นแบบ 2 เลนส์
ภาพรวมของกล้องนั้นถือว่าเป็นกล้องหลังที่ดีอีกรุ่นหนึ่งของวงการมือถือที่เก็บรายละเอียดดี และเมื่อมีกันสั่นแบบนี้ทำให้ภาพที่ออกมานั้นถือว่าไม่ว่าจะมือสั่นหรือไม่ ก็ทำได้ดีแบบไม่ผิดหวัง เช่นกัน แต่โหมด Portrait Mode นั้นทำได้น้อยไปหน่อย
ถือว่าเป็นมือถือที่ถ่ายภาพดีทั้งคู่และมีรายละเอียดที่น่าสนใจในแต่ละรูปแบบการใช้งาน แต่สุดท้ายแล้วคุณจะเลือกซื้อเครื่องไหน ลองศึกษาข้อมูลและดูรายละเอียดแต่ละรุ่นให้ดีก่อนจ่ายเงินนะครับ
หมายเหตุ : บทความนี้เปรียบเทียบแค่ Samsung Galaxy Note 8 และ iPhone 8 Plus เท่านั้นเพราะ ณ เวลาที่บทความนี้ขึ้นยังไม่ใช่เวลาที่ iPhone X จำหน่ายนั่นเอง แต่ถ้า iPhone X เริ่มจำหน่ายแล้ว จะนำมาเปรียบเทียบกันอีกครั้งในลำดับถัดไป

วันศุกร์ที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2560

เมื่อสายชาร์จ iPhone แตก พัง เสียหาย ทำไงดี

เมื่อสายชาร์จ iPhone แตก พัง เสียหาย ทำไงดี

เมื่อสายชาร์จ iPhone แตก พัง เสียหาย ทำไงดี

notebookspec
สนับสนุนเนื้อหา
เป็นเรื่องที่คาดเดาไม่ได้สำหรับสายชาร์จ iPhone ที่บางคนอาจได้เจอกับอาการ สายแตก ขาด เสียหาย บางคนอาจฝืนใช้งานต่อไป ซึ่งไมได้เป็นผลดีนัก เพราะโอกาสที่ลัดวงจรและทำให้ไอโฟนเกิดความเสียหายไปด้วย อาการเช่นนี้ส่วนหนึ่งเกิดจากการใช้งานและการม้วนเก็บรักษา ที่ส่งผลต่อความทนทานในการใช้งาน แต่ในเมื่อเกิดความเสียหายขึ้นแล้ว ก็จำเป็นต้องหาทางออกที่ดีที่สุด แต่จะมีวิธีใดบ้าง ที่เหมาะสมมากที่สุด
เลือกซ่อม โอกาสเป็นไปได้น้อยมาก เพราะสายไฟภายในมีขนาดเล็กและความละเอียดสูง ในกรณีที่ปลอกด้านนอกแตก ก็ยังพอใช้ใช้ไปได้หรืออาจใช้เทปกาวพันประคองไว้ก่อน แต่หากว่าแตกหักชนิดที่ว่าชาร์จแล้วติดๆ ดับๆ ก็อยากจะให้งดการใช้งานไปก่อนดีกว่า เพื่อลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นได้กับไอโฟน
ซื้อใหม่ น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด แต่การเลือกซื้อ อยากให้มองถึงการใช้งานแบบยาวๆ และการซื้อสายที่มีการรับประกันหรือเป็นสายชาร์จที่มีคุณภาพ ไม่ว่าจะเป็นสายแท้หรือสายชาร์จรุ่นที่ได้การรับรองจาก Apple สนนราคาประมาณ 690 บาท เลือกซื้อหรือขอคำแนะนำจากศูนย์จำหน่ายของ Apple ได้ทุกแห่ง
iphone-charge-3
ป้องกัน สายไอโฟนพัง สามารถทำได้ แต่ก็มีทั้งผลดีและผลเสีย เพราะการใช้อุปกรณ์บางอย่างห่อหุ้มสายไว้ อาจช่วยให้ข้อต่อระหว่างสายกับหัวต่อไม่งอมากเกินไป จนทำให้เกิดแตกเสียหาย แต่บางครั้งสิ่งที่หุ้มก็อาจทำให้เกิดความร้อนสะสมภายในระหว่างใช้งานได้เช่นกัน ดังนั้นจึงต้องระวังในการป้องกันสิ่งต่างๆ ไว้ด้วย อย่างน้อยศึกษาเรื่องวัสดุหรือฟีดแบ๊ค จากผู้ที่เคยใช้งานไว้บ้างก็ดีไม่น้อย

ขอขอบคุณ
ข้อมูล : notebookspec.com

11 เหตุผลที่ iPhone 6s ยังน่าใช้มากกว่า iPhone 8 และ iPhone X

11 เหตุผลที่ iPhone 6s ยังน่าใช้มากกว่า iPhone 8 และ iPhone X

11 เหตุผลที่ iPhone 6s ยังน่าใช้มากกว่า iPhone 8 และ iPhone X

แบไต๋
สนับสนุนเนื้อหา
ถึงแม้ว่า iPhone 6s และ iPhone 6s Plus จะเปิดตัวมาได้กว่า 2 ปีตั้งแต่ปี 2015 แล้ว แต่ทั้งคู่กลับยังเป็นสมาร์ทโฟนที่น่าสนใจแม้ Apple จะเปิดตัว iPhone 8iPhone 8 Plus และ iPhone X ออกมาแล้วก็ตาม!
iPhone 6s ราคาถูกกว่าเยอะ
  •  ความจุ 64 GB ราคา $700
  • iPhone 8 Plus ความจุ 64 GB ราคา $800
  • iPhone X ความจุ 64 GB ราคา $1,000
  • iPhone 6S ความจุ 32 GB ราคา $450, 128GB ราคา $549
  • iPhone 6S Plus ความจุ 32 GB ราคา $550, 128GB ราคา $649
iPhone 6s มีสีที่ iPhone 8 และ iPhone X ไม่มี
iPhone 8 เปิดตัวมาทั้งหมดสามสี ได้แก่ Space Grey, Silver และ Gold ส่วน iPhone X มีเพียงสองสีได้แก่สี Space Grey และ Silver ส่วน iPhone 6s มีหลากสีสันให้เลือก ได้แก่ Space Grey, Silver Gold และสี Rose Gold ซึ่งสี Rose Gold นี้ก็สิ้นสุดใน iPhone 7 ครับ
หน้าตาก็ยังคล้ายเดิม
หน้าตาของ iPhone ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนตั้งแต่ iPhone 6 เป็นต้นมา ถึงแม้ว่า Apple จะเปิดตัว iPhone 7 ออกมาก็ไม่ได้สร้างความแตกต่างเท่าไหร่นัก ไม่ขอเอาเครื่องมาดูคงแยกไม่ออก ยกเว้น iPhone 7 Plus หรือ iPhone 8 Plus ที่มาพร้อมกล้องคู่ เพราะฉะนั้นใครอยากเปลัี่ยนเพราะเรื่องดีไซน์ก็ผ่านไปก่อนก็ได้
ถ้าไม่นับว่าต้องการจอไร้ขอบของ iPhone X จุดนี้ iPhone 6 ก็แพ้ไปครับ
ฝาหลังโลหะ แตกยากกว่าเยอะ!
ฝาหลังของ iPhone 6s เป็นโลหะแตกต่างกับ iPhone 8 และ iPhone X ที่ด้านหลังเป็นกระจกเพื่อรองรับการชาร์จไร้สายตามมาตรฐาน Qi แต่เพราะเป็นกระจกนี้เอง ถ้าตกไปก็มีใจหายแน่นอนเพราะแตกง่ายกว่าเยอะ
iPhone 6s ยังใช้งานได้ลื่นไหลอยู่เลย
ถึงแม้สเปกของ iPhone 6s จะล้าหลังไปแล้วสองปี แต่ด้วยตัวเครื่องนั้นใช้ชิปประมวลผล Apple A9 พร้อมแรม 2GB ถึงแม้จะอัปเดต iOS 11 ก็ยังใช้งานได้ลื่นไหล ถึงแม้ว่าจะช้ากว่า iPhone 8 บ้างตามเทคโนโลยีที่ทันสมัยขึ้นครับ
กล้องหลังก็ยังแจ่มอยู่นะ
Apple พัฒนากล้องของ iPhone อย่างต่อเนื่องเพื่อให้ลำหน้ากว่าคู่แข่งเสมอ แต่ถึงอย่างนั้นก็พูดได้เลยว่ากล้องของ iPhone 6s ก็ยังเป็นอะไรที่เจ๋งมาก ถึงแม้ว่าจะเก่าแล้วก็ตาม
iPhone 6s มีช่องเสียบหูฟัง!
สำหรับใครที่คิดว่าช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม ยังสำคัญ โดยเฉพาะคนที่มีหูฟังหลายๆ ตัวและเป็น 3.5 มม ทั้งหมด ทำให้การนำไปใช้บน iPhone 8 หรือ iPhone X นั้นเป็นเรื่องยุ่งยากก็ขอแนะนำว่า iPhone 6s ยังเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อยครับ
หน้าจอก็ไม่ได้ขี้เหร่นะ
หน้าจอของ iPhone 6s มีความละเอียดเท่ากับหน้าจอของ iPhone 8 รวมถึงเรื่องความคมและความลเอียดด้วย แต่จะแตกต่างที่ iPhone 8 และ iPhone X มีหน้าจอ True Tone ซึ่งสามารถปรับแสงได้ตามสภาพแวดล้อม หากคุณเป็นคนที่ใช้งานทั่วๆ ไป เช่น อ่านเว็บ เล่นเกม ดูวิดีโอ หน้าจอของ iPhone 6s ก็ถือว่ายังพอเพียงครับ
แต่จุดนี้ iPhone X เหนือกว่าทั้งในเรื่องของขนาดจอและความละเอียดที่สูงกว่าครับ
ใช้ iOS เดียวกับ iPhone 8 และ iPhone X
iPhone 6s เปิดตัวมาพร้อม iOS 9 ปัจจุบันยังสามารถอัปเดต iOS 11 ได้เหมือน iPhone 8 และ iPhone X ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ฟีเจอร์ที่เหมือนกันทุกอย่าง แต่ประสบการณ์การใช้งานก็ถือว่าใกล้เคียงมากเลยครับ
แล้ว Augment Reality ล่ะ?
Apple เปิดตัว iPhone 8 และ iPhone X โปรโมทเรื่อง AR มากขึ้นกว่าเดิม แต่ถึงอย่างนั้น AR ในปัจจุบันยังอยู่ในช่วงพัฒนาให้ไปไกลมากกว่าเดิม ซึ่ง Apple กล่าวไว้ว่า “ความเป็นไปได้ไม่จำกัด” ดังนั้น AR คงจะยังต้องอาศัยเวลาในการพัฒนาอีกสักพัก
สุดท้าย จ่ายเงินเพิ่มแล้วคุ้มหรือไม่?
หากต้องการซื้อ iPhone 8 จะต้องจ่ายเงินเพิ่มอีก $250 หรือหากอยากได้ iPhone X จะต้องจ่ายเงินเพิ่ขึ้นถึง $550 แล้วจะได้อะไรใหม่ๆ มาบ้าง มาดูกัน
  • ประสิทธิภาพการประมวลผลที่เร็วขึ้น
  • กล้องที่ดีขึ้น
  • หน้าจอที่ดีกว่าเดิมเล็กน้อย
  • ฟีเจอร์เจ๋งๆ แต่อาจจะไม่ได้สำคัญ เช่น Portrait mode, การชาร์จไร้สาย, Fast Charge
  • รองรับ AR
  • กันน้ำได้
หากทั้งหมดนี้คุณจำเป็นต้องมีก็คุ้มค่าที่จะเปลี่ยน แต่ถ้าเกิดไม่จำเป็น iPhone 6s ก็ยังคุ้มค่าที่จะใช้งานครับ