ติดต่อ-สอบถาม

วันจันทร์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2560

12 สิ่งที่คนคูล ๆ เค้าเลิกโพสต์ลงเฟซบุ๊กกันไปนานมากแล้ว

12 สิ่งที่คนคูล ๆ เค้าเลิกโพสต์ลงเฟซบุ๊กกันไปนานมากแล้ว

12 สิ่งที่คนคูล ๆ เค้าเลิกโพสต์ลงเฟซบุ๊กกันไปนานมากแล้ว

Pepperrr
สนับสนุนเนื้อหา
ทุกคนก็เคยโพสต์เรื่องแย่ ๆ ลงบนโซเชียลมีเดียกันทั้งนั้น แต่สำหรับผู้ชายแล้วก็มีหลายเรื่องที่ไม่ควรโพสต์กันนะครับ


ยุคโซเชียลมีเดียเฟื่องฟูแบบนี้ใครต่อใครก็เอาอะไรมาโพสต์ลงบนเฟซบุ๊กกันทั้งนั้นครับ เฟซบุ๊กตัวเองจะพิมพ์อะไรก็ได้ นั่นถูกส่วนหนึ่งครับ แต่ที่จริงแล้วสิ่งที่เราโพสต์ลงไปก็ไปขึ้นบนเฟซบุ๊กก็ขึ้นบนนิวส์ฟีดด้วยเช่นกัน
เพราะฉะนั้นแล้วการคัดกรองคอนเทนต์อะไรต่อมิอะไรก่อนที่จะปล่อยออกไปให้โลกภายนอกเห็นก็เป็นเรื่องที่ควรทำเหมือนกันนะครับ เพราะก็ส่งผลต่อภาพลักษณ์ของเราทั้งบนโลกออนไลน์และในโลกแห่งความเป็นจริงด้วย ถ้าเป็นคนที่ยังแคร์สังคมอยู่ลองเรียนรู้เอาไว้บ้างก็ดีครับว่าอะไรบ้างที่เราควรละ ละ เลิกจากเฟซบุ๊กไปซะ

12. เซลฟี่ตอนออกกำลังกาย
การออกกำลังกายเป็นเรื่องดี อันนั้นเราไม่เถียงครับ แต่การโพสต์สิ่งที่คุณทำในยิมตลอดเวลาก็เป็นอะไรที่ไม่ค่อยสร้างความชื่นใจให้คนรอบข้างเหมือนกันครับ สิ่งที่สำคัญที่สุดในการเข้ายิมน่าจะเป็นการออกกำลังกายมากกว่าการถ่ายภาพมั้งนะ อวดกล้ามตอนที่ใหญ่แล้วดีกว่าตอนที่กำลังสร้างนะครับ นอกจากคนที่เล่นกล้ามด้วยกันแล้วไม่น่าจะมีคนยินดีที่ได้เห็นภาพมากนักนะครับ

11. ภาพตอนดื่มโปรตีนเช้ค
อันนี้ก็เป็นเหตุผลคล้ายกับข้อด้านบนครับ คือก็ไม่ได้มีคนอยากรู้มากซักเท่าไหร่ว่าคุณดื่มโปรตีนเช้คหรือไม่ นั่นแหละครับ เรื่องมันก็เท่านั้น นอกเสียจากว่าคุณจะมีอะไรพูดเกี่ยวกับเรื่องเครื่องดื่มของคุณที่มันเป็นสาระซักหน่อยก็ค่อยโพสต์ ไม่งั้นมันไม่เฟี้ยว!

10. เซลฟี่ไร้เสื้อ
อันนี้คงไม่ต้องอธิบายอะไรมากนักครับ ลองจินตนาการเฟซบุ๊กที่เปิดขึ้นมาแล้วเจอแต่กล้ามกับหัวนมของชายกล้ามใหญ่อย่างเดียว มันก็ดูเป็นโลกที่คงจะน่าสะอิดสะเอียนไปมากอยู่เหมือนกัน และที่จริงถ่ายรูปถอดเสื้อลงโซเชียลไปมันก็ดู awkward อยู่ไม่น้อยนะครับพูดจริง

9. โพสต์รูปมอเตอร์ไซค์ทั้งที่ตัวเองก็ไม่มี

www.fashionbeans.com
 
ไบค์เกอร์สาย JPG ก็เป็นสิ่งที่ไม่เหมาะไม่ควรเท่าไหร่นะครับ ไม่ใช่อะไร มันไม่เท่ คือคนรอบข้างเราน่าจะว้าวกับการที่เรามีรถคันใหม่จริง ๆ มากกว่าการที่เราเอาแต่โพสต์ว่าอยากได้อะไรนะครับ อวดของที่เรามีมันเท่กว่ากันเยอะครับ

8. ปาร์ตี้
คือการโพสต์ภาพปาร์ตี้หรือไลฟ์สไตล์ จริง ๆ มันก็ทำได้แหละครับเพราะเป็นชีวิตของเรา แต่มันมีปัญหาอยู่เรื่องหนึ่งคือบางครั้งเราไปทำงานสายด้วยข้ออ้างต่าง ๆ นานา แล้วเพื่อนร่วมงานก็กลับมาเจอว่าเมื่อคืนเราไปแดกเหล้ามาจนพังแล้วเอาไปฟ้องนาย เป็นต้น อันนี้ก็ต้องหาทางซ่อนกันให้มิดหน่อยหากอยากจะลงจริง ๆ มีวิธีป้องกันไม่ให้คนบางส่วนเห็นอยู่นะครับ แต่ซับซ้อนเหมือนกัน!

7. ฟาสต์ฟู้ด
ฟาสต์ฟู้ดมีอีกชื่อเรียกหนึ่งว่าจังก์ฟู้ด (junk food) หรืออาหารขยะ ไม่ได้แปลว่าเอาขยะมาทำ แต่มันเป็นอาหารที่ไม่ได้มีคุณค่ามาก ไม่ได้มีความน่าอวดอะไรซักเท่าไหร่เลย ถูก ไม่ดี ไม่มีความคูลปนอยู่แม้แต่น้อย กินแล้วก็เก็บถาดให้มันจบ ๆ ไปซะ

6. ภาพนักกีฬาคนโปรด
คือเหตุผลมันง่ายมากเลยครับ ก็นักกีฬาพวกนั้นเค้ามีชื่อเสียงมากกว่าคุณอยู่แล้ว คุณโพสต์ไปเค้าก็ไม่ได้ดังขึ้นกว่าเดิมแต่อย่างใด ถ้างั้นเราจะมานั่งโพสต์มนุษย์ที่ไม่ได้ relate กับชีวิตเราไปทำไมกัน?

5. ทำเป็นเผลออวดของ
www.fashionbeans.com

 อารมณ์ประมาณว่าแบบ “อ้าวไม่เห็นรู้เลยว่ามีนาฬิกาโรเล็กซ์ติดอยู่ในภาพด้วย” มันดูน่าหมั่นไส้จริง ๆ นะครับ คือจะอวดก็อวดไปเลยดีกว่า เพราะว่าถ้าเป็นคนปกติที่รวยอยู่แล้วเค้าจะไม่มานั่งอวดแบบนี้อะครับ ใส่ก็ใส่ไป จบ โนแคร์โนสน

4. คำพูดเจ๋ง ๆ ของคนอื่น
เพราะการที่คุณมี quote เหล่านั้นติดตัวเอาไว้มันไม่ได้แปลว่าคุณจะเป็นคนแบบนั้นจริง ๆ ครับ ไม่มีอะไรมาการันตีได้ว่าคุณโพสต์อะไรเท่ ๆ ลงในเฟซบุ๊กแล้วคุณจะต้องเท่ตามไปด้วย เช่น “จินตนาการสำคัญกว่าความรู้” - Albert Einstein มันก็ไม่ได้มีอะไรมาการันตีได้ว่าคุณจะเป็นคนที่มีจินตนาการหรือความรู้จริง ๆ เลิกเถอะ คนจริงเค้าทำมากกว่าพูด

3. กวีเห่ย ๆ ของคุณ
ทำตัวเป็นคนลึก ๆ เข้าใจยาก ๆ ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะเป็นคนคูล ๆ อะครับ นอกจากคนอื่นจะไม่เข้าใจคุณแล้วดูไปดูมาคุณน่าจะไม่เข้าใจตัวเองด้วย คือถ้าตั้งใจจะโพสต์เรื่องพวกนี้จริง ๆ เราต้องมีวิธีสื่อสารซักหน่อย แค่งงอย่างมันไม่พอนะครับ!

2. ภาพมือถือจอแตก
มือถือแตกก็ไปซ่อมสิครับ มาพ้งมาโพสต์อะไรอยู่ได้

1. เซลฟี่ในห้องน้ำ
ข้ออื่นอาจจะจำเพาะเจาะจงสำหรับคนบางประเภทเท่านั้น แต่ข้อนี้มันสำหรับมนุษย์ทุกคนบนโลกครับ! ห้องน้ำเอาไว้ใช้ทำภารกิจส่วนตัว มันไม่ได้มีอะไรน่าดึงดูดหรือน่ามองเลยแม้แต่น้อย ไม่รู้เหมือนกันว่าจะถ่ายไปทำม้ายยยยยยยยยยยยยย จบ

คิดว่าตัวเองเป็นแบบนี้มั้ย
ขอขอบคุณ
ข้อมูล : pepperrr.net

[รีวิว] AirPods หูฟังไร้สายจาก แอปเปิล ด้วยคุณภาพเสียงที่ดีเกินคาด

[รีวิว] AirPods หูฟังไร้สายจาก แอปเปิล ด้วยคุณภาพเสียงที่ดีเกินคาด

[รีวิว] AirPods หูฟังไร้สายจาก แอปเปิล ด้วยคุณภาพเสียงที่ดีเกินคาด

Techmoblog
สนับสนุนเนื้อหา
[รีวิว]  หูฟังไร้สายจาก แอปเปิล ด้วยคุณภาพเสียงที่ดีเกินคาด บนดีไซน์ขนาดเล็ก พกพาสะดวก ในราคาค่าตัว 6,900 บาท
เป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์เสริมที่มีกระแสร้อนแรงกันตั้งแต่ช่วงเปิดตัวเลยก็ว่าได้ สำหรับ AirPods หูฟังไร้สายของ แอปเปิล ทั้งในเรื่องของดีไซน์ที่ดูแปลกตา รวมไปถึงราคาเปิดตัวที่ค่อนข้างสูง อยู่ที่ 6,900 บาท ซึ่งราคาระดับนี้ สามารถซื้อหูฟังแบบครอบหู หรือแบบ Over-Ear บางรุ่นได้ด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ ดีไซน์ขนาดเล็กก็เสี่ยงต่อการหล่นหาย หรือใช้งานอยู่ก็อาจจะร่วงหล่นโดยไม่รู้ตัว
คุณภาพเสียงที่ได้ จะคุ้มค่าสมราคา 6,900 บาทหรือไม่ ด้วยเหตุนี้ ทีมงาน techmoblog จึงตัดสินใจสั่งซื้อหูฟังไร้สาย AirPods จาก Apple Online Store พร้อมกับทดสอบใช้งานและแชร์ประสบการณ์ให้ได้รับชมกัน เพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้ที่อยากลองซื้อลองใช้ AirPods แต่อีกใจก็ไม่กล้าเสี่ยงกับราคาเกือบ 7,000 บาท ซึ่งในช่วงเวลาที่สั่งซื้อนั้น ใช่ว่าจะมีสินค้าพร้อมส่งเลยทันที จะต้องรอนานเดือนกว่า ๆ และจากการตรวจสอบล่าสุด ก็พบว่า สั่งซื้อ AirPods วันนี้ จัดส่งภายใน 6 สัปดาห์เช่นกัน มาดูกันดีกว่าว่า หูฟังไร้สาย AirPods นั้น จะคุ้มค่าและเสียงดีสมราคา 6,900 บาทหรือไม่ กับ รีวิวหูฟัง AirPods โดยทีมงาน techmoblog ครับ

รีวิว AirPods : ดีไซน์และการออกแบบ

สำหรับแพ็กเกจของหูฟังไร้สาย AirPods นั้น เป็นกล่องสีขาว ด้านหน้ามีรูป AirPods ส่วนด้านข้างระบุคำว่า AirPods อย่างชัดเจน ซึ่งภายในกล่อง ประกอบด้วย กล่องพลาสติกสีขาว ภายในบรรจุหูฟัง AirPods, สาย Lightning ความยาว 1.5 เมตรสำหรับชาร์จแบตเตอรี่ และคู่มือการใช้งาน
AirPods ถูกบรรจุอยู่ในกล่องพลาสติกสีขาว ดีไซน์คล้ายกล่องไหมขัดฟัน ซึ่งกล่องนี้ไม่ได้มีไว้สำหรับเก็บตัวหูฟังเพียงอย่างเดียว แต่สามารถใช้ชาร์จแบตเตอรี่ให้กับตัวหูฟังได้
ด้านหลัง จะเห็นปุ่มวงกลมสีขาว ซึ่งเป็นปุ่มสำหรับเปิดสัญญาณ Bluetooth เมื่อต้องการเชื่อมต่อ AirPods กับอุปกรณ์อื่นที่ไม่ใช่อุปกรณ์ของ Apple อย่างเช่น มือถือ Android หรือโน้ตบุ๊ค เป็นต้น
ด้านล่าง เป็นพอร์ต Lightning สำหรับชาร์จแบตเตอรี่ ซึ่งสามารถเชื่อมต่อกับ Adapter หรือ Powerbank ได้
เมื่อเปิดฝากล่อง จะเห็นตัวหูฟัง AirPods บรรจุแบบแยกซ้ายขวา ตรงกลางจะเป็นไฟแสดงสถานะ ถ้าหากขึ้นสีเขียว หมายถึง แบตเตอรี่เต็ม, สีส้ม หมายถึง กำลังชาร์จ และสีขาว หมายถึง ตรวจจับหาสัญญาณ Bluetooth
โดยดีไซน์ของหูฟังไร้สาย AirPods นั้น จะมีรูปทรงคล้ายกับ EarPods แต่เป็นแบบไม่มีสาย และงานประกอบดูหนาแน่นและพรีเมียมมากกว่า ด้านล่างของตัวก้านหูฟัง จะเป็นไมโครโฟนคู่ที่มีระบบกรองเสียงรบกวนรอบข้าง ซึ่ง AirPods นั้น มาพร้อมกับชิปเซ็ต Apple W1 พร้อมเซ็นเซอร์แบบ Optical คู่ และเซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหว ทำให้ตัวหูฟังสามารถรับรู้ได้ทันทีว่า
ตอนนี้ผู้ใช้กำลังใส่หูฟัง หรือถอดหูฟังออก ซึ่งระหว่างการใช้งานถ้าหากมีการถอดหูฟังออกข้างใดข้างหนึ่ง สมมติว่า กำลังฟังเพลงอยู่ เพลงจะหยุดเล่นทันที และเริ่มเล่นใหม่อีกครั้งเมื่อมีการใส่หูฟัง รวมไปถึงระหว่างใช้งานแล้วมีสายเรียกเข้า สามารถใช้รับโทรศัพท์ได้ด้วยการแตะที่หูฟัง 2 ครั้งเพื่อรับสาย
เปรียบเทียบดีไซน์และขนาดระหว่าง หูฟัง EarPods กับ AirPods จะเห็นดีไซน์ว่า ดีไซน์คล้ายกันมาก เพียงแต่หูฟัง AirPods นั้น ไม่มีสาย และตัวก้านมีขนาดใหญ่กว่า

รีวิว AirPods : วิธีการตั้งค่าและเริ่มต้นใช้งาน

สำหรับการเชื่อมต่อครั้งแรก ระหว่างหูฟังไร้สาย AirPods กับอุปกรณ์ในตระกูล iOS อย่างเช่น iPhone ถือว่า ทำได้ง่ายมาก เพียงแค่เปิดฝากล่องหูฟัง (iPhone เครื่องที่จะทำการเชื่อมต่อนั้น จะต้องเปิด Bluetooth ไว้ด้วยเช่นกัน) ระบบจะทำการค้นหาให้อัตโนมัติ จนปรากฏ AirPods ตามรูปข้างต้น ให้คลิกที่ Connect เพื่อทำการเชื่อมต่อ
เมื่อทำการเชื่อมต่อแล้ว จะปรากฎสถานะของแบตเตอรี่ ของทั้งตัวหูฟัง และตัวกล่อง
โดยสถานะของแบตเตอรี่ ของทั้งหูฟัง AirPods และกล่อง สามารถตรวจสอบ Notification Center
สำหรับผู้ที่ใช้ผลิตภัณฑ์ของ Apple ไม่ว่าจะเป็น iPhone, iPad หรือแม้แต่ MacBook เมื่อใดก็ตามที่อุปกรณ์ใดอุปกรณ์หนึ่ง มีการเชื่อมต่อหูฟังไร้สาย AirPods แล้ว อุปกรณ์อื่น ๆ จะรู้จักและพร้อมใช้งาน AirPods ด้วยเช่นกัน สามารถทำการเชื่อมต่อจากเมนู Bluetooth ได้เลย
แต่ในกรณีที่ไม่ใช่ผลิตภัณฑ์ของ Apple อย่างเช่น มือถือ Android การเชื่อมต่อครั้งแรก จะต้องเปิดฝากล่อง และกดปุ่มวงกลมสีขาวด้านหลังกล่องค้างไว้ จนกว่าจะมีไฟสีขาวปรากฏ ซึ่งถ้าหากเคยทำการเชื่อมต่อไปแล้ว การใช้งานในครั้งต่อไป เพียงแค่เปิดฝากล่อง และหยิบหูฟัง ระบบก็จะทำการเชื่อมต่อให้อัตโนมัติ
ขณะใช้งาน จะมีการแสดงข้อความว่า กำลังฟังเพลงผ่านทางอุปกรณ์ใด ระหว่าง iPhone หรือ AirPods อีกทั้งยังสามารถกดสลับอุปกรณ์ได้ง่าย
การแตะที่ตัวหูฟัง 2 ครั้ง จะเป็นเปิดใช้งาน Siri หรือให้เล่นเพลง/หยุดเพลงชั่วคราว (Play/Pause) แล้วแต่จะตั้งค่า ส่วนการปรับระดับเสียง หรือเปลี่ยนเพลง ทำได้ผ่านทาง Siri เท่านั้น นอกจากนี้ ยังสามารถสอบถาม Siri ว่า แบตเตอรี่เหลือเท่าไหร่ได้อีกด้วย

รีวิว AirPods : ทดสอบใช้งาน

จากการทดสอบใช้งาน AirPods ในเบื้องต้น พบว่า ตัวหูฟังมีน้ำหนักที่เบามาก ใส่แล้วไม่หนักหู ทดสอบด้วยการสะบัดหัว และกระโดดไปมา ก็ไม่หลุดร่วงง่าย ในเรื่องของคุณภาพเสียงนั้น พบว่า AirPods คุณภาพเสียงดีกว่าที่คาดคิดไว้มาก เสียงเคลียร์ ไม่แตกพร่า เสียงเบสชัดเจน ยิ่งนำมาทดสอบคู่กับ EarPods ด้วยแล้ว ยิ่งมองเห็นความแตกต่างได้อย่างเด่นชัด ส่วนเรื่องการตัดเสียงรบกวนรอบข้าง ทำได้ดีเช่นกัน โดยรวมแล้วถือว่า คุณภาพเสียงอยู่ในระดับที่น่าพอใจ แต่ถ้าหากต้องการคุณภาพเสียงเทียบเท่าหูฟังแบบ Over-Ear ที่ราคาใกล้เคียงกันแล้ว อาจจะเป็นเรื่องที่น่าผิดหวังสำหรับบางท่าน ทางที่ดี ควรทดสอบคุณภาพเสียงก่อนซื้อจะดีกว่า
บทสรุปการใช้งาน
ถ้าหากพูดถึงเรื่องของการเชื่อมต่อ ถือว่า หูฟังไร้สาย AirPods เชื่อมต่อได้ง่าย เมื่อทำการเชื่อมต่อในครั้งแรกสำเร็จแล้ว การใช้งานในครั้งต่อไป เพียงแค่หยิบ AirPods มาเสียบหู ก็เริ่มใช้งานได้ทันที ไม่ต้องเชื่อมต่อใหม่ให้ยุ่งยาก อีกทั้งยังสามารถควบคุมการทำงานต่าง ๆ ได้จากตัวหูฟัง เช่น เล่นเพลง-หยุดเพลง ก็เพียงแค่เคาะที่ตัวหูฟัง 2 ครั้ง หรือตั้งค่าเป็นการเปิดใช้งาน Siri ก็ได้
ในด้านของการสวมใส่ ถือว่า มีน้ำหนักที่เบา สวมใส่สบายหู ไม่หนักหู ส่วนท่านที่กังวลว่า จะร่วงหล่นแบบไม่รู้ตัวเนื่องจากไม่มีสาย จากการทดสอบทั้งการวิ่ง และการกระโดด ก็ยังไม่ร่วงหลุด อาจจะมีการคลายบ้างเล็กน้อย แต่ก็ไม่ถึงกับร่วงหลุดไป
เรื่องของงานประกอบ ถือว่า ทำได้ดีกว่า EarPods มากเลยทีเดียว วัสดุดูดีมีคุณภาพกว่า พรีเมียมกว่า ส่วนเรื่องของแบตเตอรี่ถือว่า ทนทานครับ ใช้งานได้ต่อเนื่องนาน 5 ชั่วโมง แถมชาร์จในกล่อง 15 นาที ใช้งานได้ต่ออีก 3 ชั่วโมง ส่วนการชาร์จกล่องเก็บหูฟัง ก็ไม่ได้ใช้เวลานานจนเกินไป
ถัดมาเป็นเรื่องของคุณภาพเสียงกันบ้าง สำหรับผู้ที่ใช้หูฟัง EarPods แบบเดิมเป็นประจำอยู่แล้ว ถ้าหากได้มาลองใช้ AirPods จะเห็นความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัด เสียงดีกว่ามาก คมชัด เบสแน่น อาจจะไม่ดีเท่าหูฟังราคาหลักหมื่น แต่โดยรวมแล้วถือว่า น่าประทับใจครับ
สุดท้ายคงจะเป็นเรื่องความสะดวกในการพกพา เนื่องจากดีไซน์ของ AirPods มีขนาดที่เล็ก กะทัดรัด แถมไม่มีสายมาเกะกะกวนใจ ทำให้สามารถพกพาได้อย่างสะดวก ไม่เปลืองเนื้อที่ในกระเป๋า และไม่ต้องกังวลเรื่องสายจะพันกันอีกด้วย การเก็บและการหยิบมาใช้งาน ก็ทำได้ง่ายเช่นกัน
ถ้าเปรียบเทียบคุณภาพ กับราคาค่าตัวที่ 6,900 บาท ก็ถือว่า มีราคาที่สูงพอสมควร แต่ถ้าหากเป็นคนที่ชอบฟังเพลง และใช้อุปกรณ์ของ Apple เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ก็ยังพอเป็นอุปกรณ์เสริมที่น่าลงทุน แต่ถ้าหากมองแค่เรื่องของคุณภาพเสียง โดยไม่คำนึงถึงฟังก์ชันการใช้งาน ก็ถือว่า AirPods ยังไม่ตอบโจทย์เท่าไหร่ เพราะราคาระดับนี้ สามารถหาหูฟังเสียงดี ๆ ได้หลายรุ่นเลยทีเดียว ฉะนั้น ต้องลองไปทดสอบคุณภาพเสียงกันก่อน จึงจะสามารถตัดสินใจได้ว่า ตรงกับความต้องการของเราหรือไม่
ขอขอบคุณ
ข้อมูล : www.techmoblog.com