ติดต่อ-สอบถาม

วันพุธที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

เทียบภาพถ่ายตอนกลางคืน Samsung Galaxy S8+ และ iPhone 7 Plus ใครถ่ายสวยกว่า?

เทียบภาพถ่ายตอนกลางคืน Samsung Galaxy S8+ และ iPhone 7 Plus ใครถ่ายสวยกว่า?

เทียบภาพถ่ายตอนกลางคืน Samsung Galaxy S8+ และ iPhone 7 Plus ใครถ่ายสวยกว่า?

S! Hitech
สนับสนุนเนื้อหา
ถ้าพูดถึง Smart Phone ตอนนี้ที่ถ่ายภาพดีที่สุด คงต้องพูดถึง Samsung Galaxy S8+ และ iPhone 7 Plus อย่างแน่นอนแต่ว่ายังไม่มีการเปรียบเทียบกันอย่างเป็นทางการว่าของใครดีกว่ากัน ซึ่งครั้งนี้ทีมงาน Sanook! Hitech จะนำมือถือ 2 รุ่นนี้มาเปรียบเทียบให้เห็นกันอย่างชัดเจนว่าตัวไหนดีกว่ากัน
 
ก่อนอื่นมาดูสเปคกล้องของทั้งคู่ก่อนดีกว่า เริ่มจาก Samsung Galaxy S8+ ใช้กล้องเดียวขนาด 12 ล้านพิกเซลพร้อมกับมี LED Flash 1 ดวง แต่ภายในนั้นใช้เทคโนโลยี Dual Pixel พร้อมกับรูรับแสง F1.7 นอกจากนี้ยังติดตั้งป้องกันภาพสั่นไหว Smart OIS และ Enhance Image Processing และสามารถปรับแต่งภาพได้มากมาย ราคาตัวเครื่อง 30,900 บาท
 
ส่วน iPhone 7 Plus นั้นมีกล้องหลังขนาด 12 ล้านพิกเซลเท่ากันพร้อมกับเลนส์คู่ โดยเลนส์ตัวแรกมีรูรับแสง F1.7, เลนส์ตัวที่ 2 มุมแคบกว่าแต่รูรับแสง F2.8 นอกจากนี้ยังมี LED Flash แบบ 4 ดวง พร้อมกับระบบป้องกันภาพสั่นไหว เฉพาะกล้องที่มีรูรับแสง F1.7 เท่านั้น พร้อมกับสามารถถ่ายภาพบุคคลได้ในกล้องโดยใช้เลนส์ทำงานคู่กันอีกด้วย ราคาเริ่มต้น 31,500 บาท - 39,500 บาทขึ้นกับความจำภายในตัวเครื่อง

 
(ตัวอย่างภาพถ่ายจาก )
 
(ตัวอย่างภาพถ่ายจาก iPhone 7 Plus)
imag0563
imag0566
ถ้าจะกล่าวโดยสรุปแล้ว ภาพของทั้งคู่นั้นจะมีความได้เปรียบเสียเปรียบกันเล็กน้อยโดย Samsung Galaxy S8+ นั้นจะมีภาพที่สว่างกว่าและสีสันสดกว่า iPhone ที่เน้นวามละเอียดของภาพที่แม้ว่าจะมืดแค่ไหนก็ถ่ายได้ ฉะนั้นแล้ว iPhone 7 Plus กับ Samsung Galaxy S8+ ถือว่าเป็นมือถือที่ถ่ายภาพกลางคืนได้ดีทั้งคู่ แต่ขึ้นอยู่กับรสนิยมคุณแล้วว่าชอบภาพของ iPhone หรอ Samsung มากกว่ากัน

สื่อนอกเผย Samsung Galaxy S8 ทุบสถิติยอดขายแตะล้านเครื่องได้เร็วกว่า S7 เป็นเท่าตัว

สื่อนอกเผย Samsung Galaxy S8 ทุบสถิติยอดขายแตะล้านเครื่องได้เร็วกว่า S7 เป็นเท่าตัว

สื่อนอกเผย Samsung Galaxy S8 ทุบสถิติยอดขายแตะล้านเครื่องได้เร็วกว่า S7 เป็นเท่าตัว


มีรายงานจากแหล่งข่าวซึ่งอ้างอิงจากข้อมูลที่ทางโฆษกของ Samsung ได้เปิดเผยต่อนักลงทุนเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เปิดเผยว่า ยอดขาย Samsung Galaxy S8 และ Galaxy S8 Plus สามารถสร้างสถิติยอดขายใหม่ทะลุ 1 ล้านเครื่องได้หลังจากเปิดตัววางจำหน่ายในตลาดได้เพียงเดือนเศษ ๆ ซึ่งเร็วกว่า Galaxy S6 และ S7 ที่ต้องใช้เวลา 75 และ 74 วันตามลำดับจึงจะสามารถจำหน่ายได้ 1 ล้านเครื่อง
อย่างไรก็ตาม สถิติดังกล่าวเป็นยอดขายในเกาหลีใต้บ้านเกิดของพวกเขา แต่กับตลาดต่างประเทศนั้น นักวิเคราะห์คาดการณ์ตัวเลขยอดขายว่าจะอยู่ราว ๆ 5 ล้านเครื่องเท่านั้น ซึ่งเป็นตัวเลขที่ต่ำกว่ารุ่น Galaxy S7 และ S7 Edge ที่เคยทำได้ในช่วงเวลาเดียวกันที่ 7-9 ล้านเครื่อง เมื่อปีที่แล้ว นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ยังได้ทำนายว่า Galaxy S8 และ S8 Plus นั้นจะมียอดขายในปีนี้อยู่ราว ๆ 50.4 ล้านเครื่อง

วันจันทร์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

ผลสำรวจเผยผู้ใช้พอใจกับ iPhone SE มากที่สุดเหนือ iPhone 7, Galaxy S7

ผลสำรวจเผยผู้ใช้พอใจกับ iPhone SE มากที่สุดเหนือ iPhone 7, Galaxy S7

ผลสำรวจเผยผู้ใช้พอใจกับ iPhone SE มากที่สุดเหนือ iPhone 7, Galaxy S7

แบไต๋
สนับสนุนเนื้อหา

แม้ว่าจะไม่ใช่สินค้าที่ทาง Apple คาดหวังไว้มากไปกว่าการยังรักษาฐานลูกค้าเก่าที่ยังนิยมหน้าจอขนาดเล็กต่อไป แต่ทว่าผลสำรวจล่าสุดจาก American Consumer Satisfaction Index (ACSI) กลับปรากฏว่า iPhone SE ได้รับคะแนนความพึงพอใจจากลูกค้าในสหรัฐอเมริกามากที่สุดเป็นอันดับ 1 เหนือ iPhone 7 และ iPhone 7 Plus
ทั้งนี้ เทรนด์การผลิตสมาร์ทโฟนในท้องตลาดของแบรนด์ต่าง ๆ ในตลาดให้ความสำคัญกับขนาดหน้าจอที่ใหญ่ขึ้นกว่าเดิม รวมทั้งการพยายามออกแบบหน้าจอไร้ขอบให้มีพื้นที่แสดงผลมากยิ่งขึ้น จนหลายฝ่ายมองว่าสมาร์ทโฟนจอขนาดเล็กกำลังจะหายไปจากท้องตลาดในอนาคตอันใกล้ อย่างไรก็ตาม จากผลสำรวจของทาง ASCI กลับออกมาสวนทางอย่างสิ้นเชิง เมื่อ iPhone SE สามารถทำคะแนนการสำรวจความพึงพอใจของลูกค้าไปได้ถึง 87 จาก 100 คะแนน เอาชนะสมาร์ทโฟนจอใหญ่กว่า อาทิ เช่น iPhone 7 Plus, Samsung Galaxy S7 และ Samsung Galaxy Note 5
ทั้งนี้ ผลสำรวจไม่ได้ระบุรายละเอียดจำนวนของกลุ่มผู้ทดสอบในครั้งนี้แต่อย่างใด ซึ่งสื่อต่างประเทศก็วิเคราะห์ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ iPhone SE ยังได้รับความสนใจนั้นคือเรื่องของราคาจำหน่ายที่ค่อนข้างถูก และสเปกการใช้งานน่าพอใจ แม้ว่าย้อนกลับไปในช่องเปิดตัวใหม่ ๆ นั้นจะถูกวิพากย์พิจารณ์อย่างหนัก เนื่องจากหลายคนมองว่าเป็นไอโฟนที่ Apple รีไซเคิลมาจาก iPhone 5 มากกว่า
อ้างอิง

8 ความลับของแอนดรอยด์ที่ร้อยละ 90 ของผู้ใช้ยังไม่ทราบ

8 ความลับของแอนดรอยด์ที่ร้อยละ 90 ของผู้ใช้ยังไม่ทราบ

8 ความลับของแอนดรอยด์ที่ร้อยละ 90 ของผู้ใช้ยังไม่ทราบ

ผู้ใช้โทรศัพท์มือถือจำนวนไม่น้อย ไม่รู้จักโทรศัพท์ของตัวเองดีพอ โดยฉพาะอย่างยิ่ง คุณสมบัติเหลือเชื่อซ่อนอยู่ และ 8 สิ่งต่อไปนี้ นับว่าเป็นความลับของโทรศัพท์ระบบ ที่ผู้ใช้ถึง 90 เปอร์เซนต์ยังไม่รู้ ข้ามมาฝากของมือถือ iOS ทางนั้นก็มี ความสามารถ 10 อย่างที่คนถือ iPhone ยังไม่รู้ว่ามี !! เหมือนกันครับ
 
  • วิธีประหยัดแบตตารี่อย่างง่าย ๆ : หากคุณเลือกแบล็กกราวน์หน้าจอเป็นสีดำ หรือสีเข้ม พิกเซลไฮไลท์จะถูกปิดลงโดยอัตโนมัติ ซึ่งจะสังเกตุเห็นได้ชัดเจนเลยว่าสามารถใช้งานโทรศัรรพท์มือถือได้ยาวนานขึ้น คุณสมบัตินี้ไม่เพียงแต่มีในเครื่องระบบแอนดรอยด์เท่านั้น แต่ยังเป็นคุณสมบัติของโทรศัพท์ซัมซุงหลายรุ่น รวมทั้งเครื่องแทปเล็ทด้วย
  • เปลี่ยนข้อความตัวอักษรเป็นเสียงพูด : โทรศัพท์แอนดรอยด์นั้น ไม่เพียงทำให้คุณอ่านบทความได้เท่านั้น แต่ยังอ่านให้คุณฟังได้ด้วย ดังนั้น หากคุณต้องการได้รับข้อมูลด้วยการรับฟัง แทนการอ่าน ก็ให้เข้าไปที่ Setting > Accessibility และเปิดใช้ Text-to-Speed
  • ใช้โทรศัพท์มือถือเป็นรีโมท คอลโทลได้ด้วย : เข้าไปที่ Setting > Security > Device administrators และเลือกกล่องที่อยู่ใกล้กับ Android Device Manager , Remotely locate this device และเปิดให้สามารถ Lock และ Erase ได้ กรณีที่โทรศัพท์หาย ก็เข้าไปแก้ไขในเว็บไซต์ได้
  • เปิดใช้โหมดสำหรับแขก : กรณีที่ต้องการให้เพื่อน หรือบุคคลอื่นยืมโทรศัพท์ใช้ และไม่ต้องการให้เขาเหห็นข้อมูลส่วนตัวใด ๆ ก็ให้ใช้ Guest Mode โดยให้ปัดหน้าจอจากบนลงล่าง ด้วยนิ้วสองนิ้ว จากนั้น เลือกไอคอนขวาบนที่หน้าจอ ปุ่ม Guest จะขึ้นมาให้ Add และจากนั้น ก็สามารถใช้โหมดนี้ เวลาที่ให้คนอื่นยืมโทรศัพท์มือถือได้
  • ขยายภาพหน้าจอให้ใหญ่ได้ : สำหรับคนที่มีปัญหาสายตา สามารถขยายภาพหน้าจอได้ โดยไปที่ Setting > Accessibility > Magnification gesture จากนั้นคุณจะสามารถขยายดูส่วนไหน ๆ บนจอก็ได้ด้วยการสัมผัส
  • ใช้ Hotspot : ในกรณีที่คุณไม่มีโมเดม 3 G หรือเราท์เตอร์ แต่ต้องการใช้อินเทอร์เน็ตด้วยอุปกรณ์อื่น ก็สามารถให้โทรศัพท์มือถือเป็น Hotspot ให้ได้ ด้วยการไปที่ Settings > Tethering และ Portable hotspot จากนั้นก็เปิด Portable WLAN hotspot
  • ควบคุมโทรศัพท์มือถือด้วยการเคลื่อนไหวศีรษะ : ในบางสถานการณ์ เราก็ไม่สะดวกที่จะใช้มือ ก็ให้เข้าไปติดตั้งแอพฟรี ที่เชื่อว่า EVA Facial Mouse จากนั้นจะสามารถควบคุมโทรศัพท์ระบบแอนดรอยด์ได้ง่าย ๆ ด้วยการเคลื่อนไหวศีรษะ
  • เกมลับ : โทรศัพท์ที่ใช้ระบบแอนดรอยด์ 3 Gingerbread ขึ้นไป ทาง Google ได้ใส่ความลับเล็ก ๆ น้อย ๆ ไว้ให้ด้วย ทำให้คนที่แอบเข้าไปค้นหานั้น ไม่สามารถหาได้ง่าย ๆ วิธีการใช้ฟังก์ชั่นนี้ ให้ไปที่ Settings และเลือก About phone หรือ About tablet และแตะอย่างเร็วที่หลาย ๆ ครั้งที่ Android version จากนั้นจะเห็น Marshmallow ขึ้นมาที่หน้าจอ ให้แตะเร็ว ๆ อีกครั้ง Mini-game จะเปิดขึ้น

ขอขอบคุณ
ข้อมูล : brightside.me

วันศุกร์ที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

ปัญหาเครื่องค้าง บนมือถือ Android กดปุ่มอะไรไม่ได้เลย แก้ไขอย่างไรดี มาดูกัน

ปัญหาเครื่องค้าง บนมือถือ Android กดปุ่มอะไรไม่ได้เลย แก้ไขอย่างไรดี มาดูกัน

ปัญหาเครื่องค้าง บนมือถือ Android กดปุ่มอะไรไม่ได้เลย แก้ไขอย่างไรดี มาดูกัน

Techmoblog
สนับสนุนเนื้อหา
น่าจะเป็นปัญหาที่ผู้ใช้สมาร์ทโฟนหลายๆ ท่าน คงจะเคยเจอะเจอมากันบ้างแล้ว กับอาการ เครื่องเอ๋อ เครื่องค้าง ที่สามารถเกิดขึ้นได้กับ มือถือแอนดรอยด์ ทุกรุ่น ไม่ว่าจะเป็น รุ่นระดับล่าง, รุ่นเมื่อ 4 ปีที่แล้ว หรือแม้แต่ รุ่นเรือธงที่เพิ่งเปิดตัวและจำหน่ายมาไม่นานก็ตาม
แน่นอนว่าปัญหาดังกล่าว เกิดขึ้นมาจาก ซอฟท์แวร์ ที่สมาร์ทโฟนรุ่นนั้นๆ ใช้อยู่นั่นเอง และเมื่อเกิดปัญหาดังกล่าว ผู้ใช้งานหลายราย มักจะแก้ปัญหาไม่ค่อยถูก ส่วนใหญ่มักจะให้ร้านตู้เช็คสภาพให้ว่า เกิดอะไรขึ้นกันแน่
แต่ก่อนที่จะส่งซ่อม หรือส่งเข้าศูนย์ เมื่อเครื่องเกิดอาการค้าง หรือแฮงค์ ยังพอมีวิธีแก้ไขในเบื้องต้นกันบ้าง กับการ Force Reset นั่นเอง โดยแต่ละรุ่น ก็จะมีวิธีแก้ไขที่แตกต่างกันออกไป มาดูกันว่า มือถือแอนดรอยด์ กับการ Force Reset ทำอย่างไรได้บ้าง
วิธีที่ 1
สำหรับ มือถือแอนดรอยด์ ที่สามารถถอดแกะฝาหลังได้ ให้เลือกวิธีแรกด้วยการ ถอดแบตเตอรี่ออก เพื่อให้ตัวเครื่อง Shut down แล้วค่อยเปิดเครื่องขึ้นมาใหม่ ซึ่งการถอดแบตเตอรี่ออกแบบนี้ ไม่มีผลกระทบใดๆ ต่อตัวเครื่องครับ
วิธีที่ 2
สำหรับรุ่นที่ไม่สามารถถอดแกะฝาหลังได้ ให้ลองทำวิธีนี้ดู ด้วยการกดปุ่ม Power ค้างเอาไว้ราวๆ 10-20 วินาที วิธีนี้จะเป็นการ Reboot ตัวเครื่องนั่นเอง แต่ถ้ากดปุ่ม Power แล้ว ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น ให้ทำตามวิธีถัดไปครับ
วิธีที่ 3
สำหรับ มือถือแอนดรอยด์ ที่กดปุ่ม Power ค้างไว้แล้วไม่ได้ผล ให้ลองกดปุ่ม Power และปุ่มลดระดับเสียงพร้อมกัน ค้างไว้ประมาณ 10-20 วินาที
วิธีที่ 4
และสุดท้าย ถ้าหากทำตามวิธีที่ 2 และ 3 แล้วไม่เกิดผลใดๆ ให้เปลี่ยนเป็นกดปุ่ม Power และปุ่มเพิ่มระดับเสียงพร้อมกัน ค้างไว้ประมาณ 10-20 วินาที จะเป็นการ Reboot ได้อีกวิธีหนึ่งครับ
อย่างไรก็ดี ถ้าหากผู้ใช้ทำตาม 4 วิธีข้างต้น แล้วไม่เกิดผลใดๆ ให้ลองเปิดคู่มือการใช้งานและค้นหาวิธีการแก้ไขเสียก่อน แต่ถ้าหากหาคู่มือไม่เจอ ให้ส่งศูนย์เพื่อตรวจเช็คจะดีที่สุดครับ
รายละเอียดเพิ่มเติม : phonearena.com
สนับสนุนเนื้อหา: www.techmoblog.com