ติดต่อ-สอบถาม

วันพฤหัสบดีที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2560

สัมผัสแรกของ Samsung Galaxy S8 ครั้งแรกกับมือถือจอใหญ่เปลี่ยนโลกบนมือคุณ

สัมผัสแรกของ Samsung Galaxy S8 ครั้งแรกกับมือถือจอใหญ่เปลี่ยนโลกบนมือคุณ

สัมผัสแรกของ Samsung Galaxy S8 ครั้งแรกกับมือถือจอใหญ่เปลี่ยนโลกบนมือคุณ

sanook
สนับสนุนเนื้อหา
หลังจากที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้วของ Samsung Galaxy S8 และ S8+ นั้นก็ทีมงาน Sanook! Hitech ได้สัมผัสของจริง ซึ่งเป็นอีกประสบการณ์หนึ่งที่น่าตื่นเต้นไม่เบากับมือถือเรือธงตัวนี้ และแน่นอนว่า ข้อกังวลและเรื่องราวต่าง ๆ นั้นจะถูกตอบสั้น ๆ จากบทความนี้ก่อนที่จะเจอกันแบบจริง ๆ ในรีวิวที่จะพูดในอีกเมื่อทาง Samsung ประเทศไทยพร้อม มาเริ่มกันเลยดีกว่า
 
รูปร่างของ Samsung Galaxy S8 ต้องพูดก่อนเลยเมื่อเห็นครั้งแรกบนมือถือคือหน้าจอนั้นกินพื้นที่ด้านหน้ามากถึง 90% โดน 2.5% ที่เหลือทั้งบนและล่าง ด้านล่างฝั่งเซนเซอร์ช่วยปุ่ม Home แบบแรงกด ส่วนด้านบนเนื่องจากกล้องหน้าและระบบ Iris Scan ยังคงอยู่จึงต้องทำให้ด้านบนมีที่เหลือไว้เล็กน้อย และจอโค้งทั้ง 2 ข้าง ซึ่งไม่ได้โค้งแบบไร้สาระอีกต่อไป มันจะโค้งลงในแบบเดียวกับ Galaxy Note 7 คือ หักลงไปเลย แต่ด้านหลังโค้งรับให้เฟรมโลหะอยู่ตรงหลางพอดี และแน่นอนว่าเมื่อเทียบกับ Galaxy S7 มันใหญ่กว่าทั้งคู่เลยด้วยซ้ำ
 
ด้านข้างนั้นแม้จะดูบางแต่ความจริงโลหะนั้นหนาขึ้น เมื่อเทียบกับ Galaxy S7 เดิมพบได้ว่ามีความหนาเพิ่มขึ้น และมีปุ่มกดที่เล็ก ซึ่งเครื่องที่ได้ทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นสื่อไหนยังเป็นสีดำ ฝั่งซ้ายจะมีปุ่มปรับระดับเสียง พร้อมปุ่มเรียกผู้ช่วย Bixby
 
ฝั่งขวายังคงมีเฉพาะปุ่มเปิดเครื่อง หรือ Power เท่านั้น
 
ด้านบนมีช่องใส่ซิมแบบ Hybrid SIM ซึ่งสามารถสลับใส่ Micro SD ได้เหมือน Samsung Galaxy S7
 
ด้านล่างมีช่องเสียบ USB-C พร้อมกับช่องเสียบหูฟังของตัวเครื่องและลำโพงที่ตัวเลขแต่กลับให้เสียงที่ดีใช้ได้
 
ด้านหลังมาพร้อมกับกระจกกันรอยและกล้องขนาด 12 ล้านพิกเซล พร้อมกับ Heart rate Sensor, Flash และระบบสแกนลายนิ้วมือ หลายคนบอกว่ามันคือปุ่ม จากที่สัมผัส มันเป็นแผ่นสัมผัสเท่านั้น
 
ภาพรวมของเครื่องแม้จะตัวใหญ่แต่ด้วยการออกแบบให้กระจกนั้นงุ้มลงน้อยกว่าเดิม แต่ออกแบบให้ทั้ง 2 ด้านเท่ากันทำให้จับได้ถนัดมือมากขึ้น และพื้นที่ของหน้าจอเหลือมากกว่าเดิมทำให้เวลาดูหนังนั้นได้ อรรถรสมากขึ้น และการใช้งานอีกกับ Apps ที่ต้องรองรับจอแบบ 18.5:9 นั้นจะต้องรอดูว่ามีอะไรนอกจากโปรแกรมหนังหรือไม่ เบื้องต้นเท่าที่ลองมา หนังและ YouTube ได้แบบไร้ปัญหา
 
ประสิทธิภาพของ + นั้นเนื่องจากสเปคนั้นมีการเปลี่ยนแปลงสำคัญ 2 จุดด้วยกัน ถึงในงานจะไม่ได้พูดว่าใช้ CPU อะไร แต่ขอพูดไว้ว่าเครื่อง Samsung Galaxy S8+ ที่ได้ลองนี้ ใช้ CPU Exynos 8895 Octa Core พร้อมเทคโนโลยีการผลิตขนาด 10 นาโนเมตร ซึ่งรีดประสิทธภาพได้ดีกว่าเดิม 10% พร้อมกับกราฟฟิกการ์ดตัวใหม่ Mali G71 พร้อมกับ RAM 4GB ความจำในตัว 64GB รองรับความถี่ 4G LTE Cat 16 ด้วยเช่นกัน ถือว่าเป็นอีกเครื่องหนึ่งที่ให้สเปคเต็ม โดยเบื้องต้น Antutu ทดสอบได้ที่ 121,336 คะแนน ซึ่งดีกว่า Galaxy S7 นิดหน่อย แต่นี่ยังเป็น Firmware ที่ยังไม่สมบูรณ์เชื่อว่า ถ้าสมบูรณ์มันจะไวกว่านี้แน่นอน
เอาเข้าจริงก็ลื่นไหลดีใช้ได้ เรียกได้ว่าทันใจเลยดีกว่า อย่างไรก็ดีสิ่งที่ยังคงเหมือนกับ Samsung Galaxy S7 คือแบตเตอรี่ รุ่น S8 ให้มาที่ 3000 mAh และ S8+ ให้มาที่ 3500 mAh พร้อมระบบ Fast Charge และ Wireless Charge แต่ไม่ได้เคลมว่าชาร์จไฟเร็วเท่าไหร่ แต่คิดว่าน่าจะเท่ากับ Galaxy S7 ซึ่งจัดว่าเป็นมือถือที่ชาร์จไฟเร็วระดับต้น ๆ แต่เท่าที่เล่นราว ๆ 1 ชั่วโมง แบตเตอรี่ไม่ได้ลงเร็วอย่างที่คิด 
สิ่งที่น่าสนใจไม่ควรพลาดสำหรับ Samsung Galaxy S8
นอกจากจออลังการงานสร้างที่เห็นนี้ยังคงให้ความละเอียดมากถึง 2960x1440 แต่สามารถปรับลดความละเอียดลงได้เหลือ Full HD, HD ปกติ ซึ่งความละเอียดหน้าจอก็จะแปรผันตามขนาดของเครื่อง โดย UX แบบใหม่ให้ความเป็นธรรมชาติมากขึ้น โดยไม่ต้องมีการกดปุ่มอะไรให้มากมาย เน้นการปัด หรือ Swipe มากขึ้น เช่นถ้าคุณต้องการดู Apps ทั้งหมด ให้เลื่อนจากล่างขึ้นบน, ต้องการดู Notification เลื่อนจากบนลงล่าง และ ซ้ายเป็นที่อยุ่ของ Home Bixby ที่รวมการบอกเล่นวิธีการใช้ และข่าวสารที่อยู่ด้านล่าง
สิ่งถ้าคุณคิดว่าจะซื้อ Galaxy S8 มาและต้องลองทันทีนั้น ทีมงาน Sanook! Hitech แนะนำฟีเจอร์ต่าง ๆ เหล่านี้
  • ระบบ Iris Scanner พร้อมกับระบบจดจำใบหน้า ซึ่งเป็นฟีเจอร์ระบบความปลอดภัยที่ล้ำและใช้งานไม่ได้ยากอย่างที่คิด แต่ขอให้แสงเพียงพอ แต่ถ้าไม่สามารถปลดล็อคได้ ระบบสแกนลายนิ้วและการตั้งรหัสผ่านอื่น ๆ คอยช่วยคุณได้แน่นอน การแสดงผล Iris Scan เป็นกล้องสีแล้วไม่ใช่ขาวดำเหมือนกับ Galaxy Note 7 ถือว่าล้ำขึ้นอย่างชัดเจน
  • Bixby ระบบคำสั่งเสียงที่ค่อนข้างจะฉลาดและสามารถสั่งงานได้ทันที แต่จากที่ลองยังคงมีข้อจำกัดสำหรับภาษาไทยอยู่บ้าง
  • Samsung DeX ซึ่งตอนที่ทดลองยังไม่ได้เห็นภาพจริงจังเพราะยังไม่มีอุปกรณ์จริงออกมา แต่ภาพรวมจากที่ดูจากข้างใน Live มันคือการทำให้มือถือเชื่อมกับจอคอมพิวเตอร์ แล้วทำงานได้เทียบเท่าคอมพิวเตอร์นั่นเอง หรือง่าย ๆ มันก็เหมือน Continuum ของ Microsoft ดี ๆ นี่เอง
มาในส่วนของกล้องแล้ว Samsung Galaxy S8 นั้นมีการเปลี่ยนแปลงกล้องเล็กน้อย แต่ยังคงความละเอียดกล้องหลังที่ 12 ล้านพิกเซล F1.7 พร้อมกับ Dual Pixel และมีระบบ Smart OIS และสามารถถ่ายภาพได้ทั้งแบบเคลื่อนไวได้รวดเร็ว และที่แสงน้อย พร้อมกับ Clear Zoom ที่เรียกได้ว่าซูมไม่แตก
ส่วนกล้องหน้าเปลี่ยนแปลงค่อนข้างเยอะ ได้แก่ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล F1.7 ครั้งนี้ใส่ระบบ Auto Focus พร้อมฟีเจอร์ Smart Focus ที่ถ่ายหลายคนก็สามารถทำให้ชัดได้หมด ถือว่าเป็นอีกสิ่งที่น่าสนในไม่เบา
แม้การสัมผัสนี้จะมีเวลาแค่ 1 ชั่วโมง แต่ก็บอกอะไรได้หลาย ๆ เรื่องทั้งความตั้งใจทีทำให้หน้าจอใหญ่แต่แบตเตอรี่นั้นไม่ได้ให้มากกว่าเดิม แต่ประหยัดไฟกว่ารุ่นเพราะ CPU และนอกจากนี้ยังมีความล้ำหน้าในตัวฟีเจอร์ที่น่าสนใจอีกมากมาย ในราคานั้นตอนนี้ยังไม่มีการเปิดเผยในประเทศไทยแต่ก็คาดการณ์ว่าตัวท็อปจะหลุด 3 หมืนค่อนข้างแน่นอน แต่อย่างไรก็ดี มันคือการพัฒนารุ่นที่ 8 ของตระกูล Galaxy S ที่เปลี่ยนแปลงวงการมือถือได้ดีไม่น้อย
ส่วนลองจริง ๆ และระยะเวลานานกว่านี้ต้องติดตามในรีวิวกันต่อไป เร็ว ๆ นี้

ปรากฏการณ์โซเชียล ทอม Room 39 คว้าแชมป์

ปรากฏการณ์โซเชียล ทอม Room 39  คว้าแชมป์

ปรากฏการณ์โซเชียล ทอม Room 39 คว้าแชมป์

เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงติดตามรายการ "The Mask Singer" หน้ากากนักร้อง ที่เรียกได้ว่าท้ายสุด แต่ไม่สุดท้ายสักทีกันอย่างแน่นอนครับ ในที่สุดวันนี้เราก็ได้รู้กันสักทีว่า หน้ากากทุเรียนเป็นใครกันแน่!!!! และก็เป็นไปตามที่หลาย ๆ คนวิเคราะห์กันครับ เพราะหน้ากากทุเรียนคือ  จริง
untitled-13
 หน้าตาแชมป์
1490870645159
แต่สิ่งที่เราจะพูดกันในวันนี้ไม่ใช่เสียงของ ทอม Room39  แต่เรากำลังจะพูดถึงโซเชียลหลัก ๆ ของทอมกันครับไม่ว่าจะเป็น instragram และ  Facebook Page ที่หลังจากการเปิดหน้ากากแล้ว มีจำนวนของคนตามฟอลโล่เพิ่มขึ้นอย่างมากมาย แล้ววันนี้เราจะมาแจก instragram และ  Facebook Page ของหนุ่มทอมด้วย
มาดูกระแสของหนุ่มทอมในสังคมออนไลน์บ้างครับ หลังจากการถอดหน้ากาก
 untitled-4
จำนวน Followers ที่แค่ 5 นาที เพิ่มขึ้นสูงถึง 8000 ฟอล

untitled-5
untitled-12

 ปิดท้ายด้วยลิงค์
เพจของหนุ่ม ทอม Room39 
https://www.facebook.com/TomRoom39

ไอจีของหนุ่ม ทอม Room39 
https://www.instagram.com/tom_reckless
untitled-9

 The Mask Singer บอกอะไรวงการไอทีและทีวีดิจิทัลไทย

บทความ สมชาย งามวรรณกุล
ในรอบเดือนที่ผ่านมา “หน้ากากนักร้อง” ที่นำโดยหน้ากากทุเรียน และหน้ากากอีกาดำ ทำให้เกิดปรากฎการณ์หลายสิ่งหลายอย่าง ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ล้มล้างความเชื่ออะไรหลายๆ อย่างลงไปอย่างสิ้นเชิง และจุดเริ่มต้นใหม่นี้กำลังนำเราไปสู่อะไรบ้าง ผมลองสรุปให้อ่านกันครับ
Facebook Live ทรงพลังพอที่จะถ่ายทอดสดที่มียอดคนดูหลักหลายล้านในเวลาเดียวกัน ก่อนหน้านั้น Youtube ที่เคยถ่ายทอดสดให้กับคนทั่วโลกเคยแสดงพลังระบบไอทีที่สุดยอดด้วยการมียอดวิวพร้อมกัน 20 กว่าล้านวิวมาแล้ว แต่ที่ผ่านมาการถ่ายทอดผ่าน Youtube มันให้ความรู้สึกว่าไกลเกินเอื้อมสำหรับคนทั่วไปไปซะหน่อย ไม่เหมือนกับการถ่ายทอดผ่าน Facebook Live ที่คนจำนวนมากเคยถ่ายทอดสดเรื่องราวของตัวเองมาบ้างแล้ว และที่สำคัญคนไทยนี่เป็นตัวพ่อ ตัวแม่ในการเล่น Facebook ระดับโลก จนได้รับการขนานนามว่า ไทยคือเมืองหลวงของผู้ใช้ Facebook
เมื่อ “หน้ากากนักร้อง” ของเวิร์คพ้อยท์ตัดสินใจถ่ายทอดสดผ่าน Facebook Live ตามคำเชิญของ Fcaebook เมืองไทยที่พยายามเหลือเกินในช่วงที่ผ่านมาในการดึงรายการดังๆ เชิญแม่เหล็กตัวพ่อ ตัวแม่ต่างๆ มา Live สด โดยมีกลยุทธ์การจัดสรรแบ่งปันรายได้ ความท้าทายของวงการไอทีก็เกิดขึ้น หลายคนตั้งคำถามว่าสภาพเน็ตเวิร์ค คุณภาพของมัน รวมถึงปริมาณการเข้าชมในเวลาเดียวกันสำหรับการ Live ในเมืองไทยจะทำได้แค่ไหน เพราะเอาแค่การถ่ายทอดสดมีผู้ชมหลักหมื่นในเวลาพร้อมๆ กัน ก็ทำให้เน็ตเวิร์คล่ม เว็บไซต์พังกันมาไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่แล้ว
แต่หลังจากคู่ชิงชนะเลิศซีซั่นแรกระหว่าง หน้ากากทุเรียน และหน้ากากอีกาดำ ที่ยอดการชมนั้นแตะหลักล้านก็ทำให้ข้อกังวานี้หมดไป เพียงแต่ตั้งคำถามตามมาว่า “มันทำได้ไงวะ?” แปลว่า Facebook ต้องตัดสินใจทำอะไรบางอย่างแน่นอน การตั้งเซิร์ฟเวอร์ที่สิงคโปร์น่าจะไม่เพียงพอต่อการรองรับแบนด์วิชมากมายมหาศาลจากประเทศไทย
ผมจะรอดูวันแห่งประวัติศาสตร์หากมีการทำ Facebook Live ครั้งต่อไป ที่มียอดการเข้าชม 5-10 ล้านในเวลาเดียวกัน นี่จะทำให้การเปลี่ยนแปลงในเรื่องการถ่ายทอดสดเกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง รวมถึงระบบการจัดสรร จัดแบ่งรายได้ของ Facebook กับเจ้าของ Content ก็จะเปลี่ยนแปลงอย่างหน้ามือไปสู่หลังเท้า เช่นกัน
374554
ระบบผังรายการทีวีดิจิทัลเปลี่ยนแปลงอย่างกู่ไม่กลับ ผมเคยเขียนบทวิเคราะห์ว่าทีวีไทยรายไหนที่หวง content หวงผังรายการไว้เฉพาะตัวทีวี ช่องนั้นเตรียมตัวพัง คนไทยไม่ได้ติดทีวีเหมือนช่วงที่ผ่านมาแล้ว เน็ตเวิร์คของประเทศไทยนั้นดีเพียงพอที่จะดูอะไรก็ได้ผ่านอินเทอร์เน็ต โดยเฉพาะเด็กรุ่นใหม่ที่แนวโน้มจะห่างทีวีมากขึ้นทุกวัน คนพวกนี้อยากดูอะไรก็ได้ที่ฉันอยากดูในเวลาที่ต้องการ การที่ช่องทีวียังยึดติดว่า content ของทีวีต้องออกที่ทีวีก่อน แล้วค่อยมาปล่อยในโลกอินเทอร์เน็ตเป็นแนวคิดที่โบราณที่สุด
ปรากฎการณ์ “หน้ากากนักร้อง” ถือเป็นการขยี้แนวคิดนี้อย่างเป็นรูปธรรมที่สุด แม้วันนี้ยังไม่ถึงขนาดหลุดจากผังออกมาได้จริงๆ นั่นคือ ถ่ายทอดสดโดยไม่อิงกับเวลาของผังทีวี แต่ตอนนี้ไม่ใช่ก็ใกล้เคียง เริ่มตั้งแต่ทันทีที่ออกอากาศเสร็จก็นำมาลงใน Social Media ทันที ไม่ต้องรอให้เพจอื่นๆ เอามาออกหารายได้เข้าตัวเองไป นอกจากคลิปเต็ม มีการตัดคลิปย่อยมากมาย เปลี่ยนแปลง content ใส่ลูกเล่นอย่างไม่จำกัด
วิวัฒนาการล่าสุดก็คือ การแยกสปอนเซอร์หรือโฆษณาออกจากกันระหว่างทีวีและออนไลน์ ทีวีก็มีโฆษณาของตัวเอง ออนไลน์ก็มีของตัวเองเช่นกัน ดังนั้นจึงนำไปสู่การถ่ายทอดสดครั้งเดียว แต่เนื้อหาและการเอาใจสปอนเซอร์ทั้งสองสื่อกลับแตกต่างกันไป รูปแบบรายการก็แตกต่างกันอีก ทันทีที่ตัดเข้าโฆษณาทางทีวี แต่ออนไลน์ไม่ตัดกลับมีรายการพิเศษที่เติมมาจากทีวีเสริมเข้ามา
การพัฒนาที่เห็นก็คือ รายการ “หน้ากากนักร้อง” เมื่อดัง ก็ต้องเล่นกับกระแส มีรายการพิเศษเกิดขึ้นในรูปแบบออนไลน์ มีทั้งเทปและสดให้ชมกันตลอดทั้งอาทิตย์ก่อนจะเข้ารายการจริง ซึ่งผังรายการทีวีปกติไม่สามารถทำได้ เท่ากับ “หน้ากากนักร้อง” แทบจะมีช่องของตนเองขึ้นมาต่างหาก นั่นจึงบอกให้กับทีวีดิจิทัลทั่วไปได้รู้ว่า อย่ายึดคิดกับผังรายการปกติเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นเตรียมตัวตาย
952876
พฤติกรรมของ Social Media เปลี่ยนไปแล้ว ดังได้ก็ฆ่าตัวตายได้ ทันทีที่รายการ “หน้ากากนักร้อง” จบลงเสียงชื่นชมก่อนรายการกลับกลายเป็นเสียงด่า ความตั้งใจยืดเวลา ความตั้งใจขายของเกินเหตุ ความตั้งใจจะดึงเรตติ้งเหมือนกับละครน้ำเน่าสมัยก่อนทำให้เสียงสะท้อนกลับมาเต็มโลกออนไลน์อย่างที่เวิร์คพ้อยท์ไม่ได้คาดคิด เรื่องนี้เป็นเรื่องใหม่ที่เวิร์คพ้อยท์ไม่ได้วางแผนจะรับมือ โลกออนไลน์ไม่รับรู้เบื้องหลังการผลิตของเวิร์คพ้อยท์หรอกครับว่าคุณเผชิญกับอะไรบ้าง พวกเขาแค่ไม่รู้สึกสนุกกับการกระทำของคุณ รู้สึกถูกหลอก รู้สึกว่าพวกคุณรู้จักแต่จะกอบโกยผลประโยชน์
ต่อไปนี้รายการทั้งหลายที่จะอยู่ได้ต้องมี Commitment หรือคำมั่นสัญญากับผู้ชม เป็นคำสัญญาที่มีตัวตนและมีคนรับคำสัญญาอย่างชัดเจน ถ้าเกิดผิดสัญญาขึ้นมา คนเหล่านี้จะออกมาทวงสัญญา พวกเขาจะแสดงตัวตนจะไม่อยู่เป็นอีแอบเหมือนที่ผ่านมา และผลของการแสดงตัวตนจะส่งผลให้เพื่อนที่อยู่ในเครือข่ายของพวกเขารับรู้แม้ว่าเพื่อนเหล่านั้นจะไม่เคยได้ดูรายการของคุณมาก่อน
d5
การวัดเรตติ้ง วัดแบบไหนให้สะท้อนความจริง การวัดเรตติ้งทีวีบ้านเรานั้นมีการถกเถียงกันมาเป็นชาติ จนวันนึงโลกสังคมโซเชียลมีเดียเกิดขึ้น การวัดด้วยฟีดที่เต็มหน้า wall ของคนเล่น ว่ากำลังพูดถึงข่าวไหน ละครเรื่องใด ดาราคนไหน กลายเป็นคำตอบว่ามหาชนกำลังสนใจเรื่องอะไร เรตติ้งเรื่องไหนแรงสุด แต่แล้วมันก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง เริ่มจากรายการข่าวปกติที่นำ Facebook Live มาใช้ในทุกรายการข่าวทุกช่วงเวลา นี่สิตัววัดเรตติ้งที่แท้จริง เพราะยอดชมรายการข่าวผ่านรายการสดทางออนไลน์มันขึ้นโชว์หราว่ายอดชมเท่าไหร่ในปัจจุบัน เห็นกันจะจะไปเลยว่ารายการข่าวไหนได้ยอดชมสูงสุดเท่าไหร่
แต่ๆๆๆๆๆๆ รายการข่าวหาใช่รายการที่คนตั้งใจจะดูเป็นเรื่องเป็นราว รายการข่าวส่วนใหญ่ก็เปิดดูแช่เอาไว้ สนใจข่าวไหนก็เงยหน้าขึ้นมาดู ไม่เหมือนรายการบันเทิง รายการถ่ายทอดสด ต่อไปนี้จะกลายเป็นธรรมเนียมแล้วว่ารายการบันเทิงประกวดร้องเพลง รายการละครที่เวลาตรงกัน ออกอากาศทางทีวี ก็ Live สดออนไลน์ไปพร้อมกัน มันจะบอกว่ายอดชมของใครมากกว่ากันโดยทันที เวลานั้นกันไปเลย วัดกันเวลาต่อเวลา รายการต่อรายการ ไ่ม่ต้องรอผลเรตติ้งที่จะออกมาช้ากว่าเป็นสัปดาห์ หรือเป็นเดือน และไม่ต้องมาบวกลบคูณหารตามช่อง แต่วัดกันหมัดต่อหมัดดังกล่าว ซึ่ง “หน้ากากนักร้อง” ได้ทำตรงนี้ออกมาแล้วว่า วันที่ออกอากาศนี่คือรายการหยุดประเทศไทย ไม่มีรายการไหนจะมีผู้ชมเยอะไปกว่านี้อีกแล้ว
img_6929
บทสรุปของ “หน้ากากนักร้อง” วันนี้แม้จะเป็นผู้สร้างประวัติศาสตร์ทั้งวงการบันเทิง วงการทีวี วงการออนไลน์ และอีกสารพัด แต่นี่เพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น เราจะได้เห็นการปรับเปลี่ยนของวงการในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง ทั้งสามวงการถูกรวมเข้ากันเป็นหนึ่งเดียวแล้ว ต่อจากนี้ใครยังคิดแยกเตรียมตัวตายครับทั่นผู้ชม

วันพุธที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2560

เทคนิค!! ถ่ายรูปแบบไหนให้แฟนสาว เปลี่ยนร่างยักษ์ขาใหญ่ ให้ดูสูง หุ่นเพรียว น่องเรียว

เทคนิค!! ถ่ายรูปแบบไหนให้แฟนสาว เปลี่ยนร่างยักษ์ขาใหญ่ ให้ดูสูง หุ่นเพรียว น่องเรียว

เทคนิค!! ถ่ายรูปแบบไหนให้แฟนสาว เปลี่ยนร่างยักษ์ขาใหญ่ ให้ดูสูง หุ่นเพรียว น่องเรียว

sanook (Rewrite)
สนับสนุนเนื้อหา
แม้จะมีอุปกรณ์ดีหรือแพงแค่ไหน? ก็ใช่ว่าทุกคนจะถ่ายรูปออกมาดูดีและสวยได้ถูกใจได้ ดังนั้นวันนี้ทีมงาน Sanook! Hitech มีเทคนิคมุมกล้องในการถ่ายภาพให้ออกมาดูดีมาแนะนำกันครับ(ขอเน้นในส่วนของการถ่ายภาพสาว ๆ ก็แล้วกัน)


มุมกว้าง

- อุปกรณ์ถ่ายรูป-มุมกว้าง 
ในชีวิตปัจจุบันของเรา ที่เห็นส่วนใหญ่และเป็นปกติของทุกคนที่จะใช้กล้องโทรศัพท์มือถือในการถ่ายรูป ซึ่งอุปกรณ์หนึ่งที่จะช่วยให้เราได้รูปมุมกว้างก็คือไม้เซลฟี่  และแน่นอนถ้าคุณมีกล้องเลนส์มุมกว้างก็จะทำให้ภาพที่ถ่ายออกมาสวยงามมากขึ้น
 

การจัดวางสัดส่วนของรูปภาพ

จากประสบการณ์ที่เคยถ่ายรูปมา 2-3 ปี ฉันเลยมีข้อสรุปและตัวอย่างให้ทุกคนได้นำไปใช้กัน หลักการง่ายๆ แค่เพียงจำไว้ว่า : “เท้าชิด หัวมีที่ว่าง ขาไขว้กัน”  หุ่นดูเพรียวสูงถึง 1.7 เมตรก็อยู่ตรงหน้าแล้ว

เท้าต้องชิด วางต่ำ :


 หัวต้องมีพื้นที่ว่าง :
การวางเท้าให้ชิดกันเป็นสิ่งสำคัญก็จริง แต่แค่เท้าชิดยังไม่สวยพอ ต้องจัดให้มีพื้นที่ว่างบนหัวด้วย ฉันลองเปรียบเทียบรูปถ่ายของตัวกับรูปถ่ายอื่นๆ ถ้ามีพื้นที่ว่างบนหัวประมาณ 30-70% จะทำให้รูปถ่ายของเราดูสวยขึ้น แต่จะสวยที่สุดก็คงต้องเป็นประมาณ 40-50%  ถ้ามีพื้นที่ว่างมากจะทำให้ตัวเราดูเล็กลง แต่ถ้ามีพื้นที่ว่างน้อยจะทำให้รู้สึกเหมือนตัวเราโดนบีบโดนเบียดอยู่  ดังนั้นสามารถเปรียบเทียบกันได้จากรูปด้านล่าง
ภาพแรกมีพื้นที่ว่างบนหัวประมาณ 60% ตัวเราในรูปจะดูเล็ก แต่รูปสุดท้ายมีพื้นที่ว่างบนหัวน้อยแค่ประมาณ 25% ให้ความรู้สึกเหมือนเราโดนเบียดอยู่

 ขาต้องไขว้กัน:
 
สามารถใช้หลักการเดียวกันได้ทั้งท่านั่งและท่ายืน ถ้าเป็นรูปท่านั่ง แนวนอน พยายามวางขาให้หันไปทางมุมใดมุมหนึ่ง เช่น ซ้ายลงหรือขวาล่าง ยิ่งยื่นออกไปได้ไกลเท่าไหร่ก็จะยิ่งทำให้ขาเราดูเรียวมากขึ้นเท่านั้น

 และแน่นอนว่าจุดที่เราโฟกัสเวลาถ่ายรูปออกมาแล้วจะดูสวยหรือไม่ ก็เพียงแค่ควบคุม 3 จุดนี้ให้ดี “เท่าชิด หัวมีที่วาง ขาไขว้” หุ่นสูงเพรียว ขาเรียวยาว  ก็ไม่ใช่แค่ความฝันอีกต่อไป
สุดท้ายก็หวังว่าเทคนิคนี้จะทำให้ทุกคนออกไปท่องเที่ยวได้อย่างสบายใจ มีความสุข มีรูปถ่ายสวยๆ ของแฟนสาวหรือเพื่อนๆ ได้เอาไปอวดคนอื่นได้แล้ว
ที่มา: www.how01.com